วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

แหล่งการเรียนรู้


สวัสดีปีใหม่ครับอาจารย์ ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่าปีใหม่ที่ผ่าน ผมไม่ได้กลับบ้านครับเพราะผมต้องทำงาน ดังนั่นสถานที่ผมไปศึกษามา ผมได้ไปศึกมาก่อนปีใหม่สักระยะหนึ่งแล้วครับ สถานที่นั่นก็คือ


หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร


ประวัติความเป็นมา


ความคิดเรื่องการมีหอศิลป์สำหรับประชาชน ในวงกว้าง เกิดขึ้นมาตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่ผ่านมา เนื่องจากในอดีตนโยบายภาครัฐ ยังไม่มีความชัดเจนในการสนับสนุนงาน ด้านศิลปวัฒนธรรมอย่างจริงจัง และเห็นถึง ความสำคัญของการพัฒนาสติปัญญา อารมณ์ และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็น ส่วนสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนา ประเทศ สิ่งนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของแนว ร่วมศิลปินไทยในการสร้างหอศิลปะร่วม สมัย เพื่อให้มีหอศิลป์ที่ทัดเทียมกับสากล และเป็นเกียรติศักดิ์ศรีกับประเทศ รวมทั้ง เพื่อให้สังคมมีแหล่งเรียนรู้ทางด้านศิลป วัฒนธรรม เป็นทางเลือกเพื่อจรรโลงยก ระดับจิตใจควบคู่ไปกับความเจริญก้าวหน้า ทางวัตถุ หอศิลป์สำหรับประชาชนควรเป็น การลงทุนจากภาครัฐ โดยไม่แสวงหาผล กำไรทางธุรกิจ เป็นการลงทุนเพื่อ สนับสนุนการพัฒนาเช่นเดียวกับการสร้าง สาธารณูปโภค การสร้างหอศิลป์เปรียบเป็น สาธารณูปโภคทางสมอง หรือ software ทางปัญญาที่ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการ สร้าง hardware
โครงการก่อการสร้างหอศิลป์ได้เริ่มขึ้นเมื่อ ดร.พิจิตต รัตตกุล ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ได้มีมติร่วมกับคณะกรรมการโครงการ เฉลิมพระเกียรติฯ ศิลปะแห่งรัชกาลที่ 9 เมื่อปี 2538 ให้กรุงเทพมหานครจัดสร้าง หอศิลปะร่วมสมัยแห่งกรุงเทพมหานคร ณ สี่แยกปทุมวัน โดยมีรูปแบบที่ผ่านการ คิดและการตัดสินใจร่วมกัน อย่างไรก็ตาม โครงการต้องมาสดุดหยุดลงเมื่อนายสมัคร สุนทรเวช เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานครคนต่อมา ในปี 2544 และล้มเลิกโครงการหอศิลป์ตามรูปแบบ เดิมให้มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์มากขึ้น พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงจากเดิมกรุงเทพ มหานครเป็นผู้ลงทุนมาเป็นให้เอกชนสร้าง องค์กรด้านศิลปะ ศิลปิน อาจารย์ นักศึกษา และสื่อมวลชน ได้ร่วมกันดำเนินกิจกรรม คัดค้านการระงับโครงการเดิม มีการจัด กิจกรรมเคลื่อนไหวและเรียกร้องให้ผู้บริหาร กรุงเทพมหานครในสมัยนั้นทบทวนโครงการ รวมทั้งการจัดกิจกรรมวาดภาพเขียนยาว 4 กิโลเมตร ในหัวข้อ ฉันเรียกร้องหอศิลป์ ไม่เอาศูนย์การค้า การดำเนินการทาง กฎหมายต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการระงับ โครงการฯ และการจัด "ART VOTE" โหวตเพื่อหอศิลป์
กระทั่งนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในปี 2547 เครือข่ายศิลปินและประชาชนจึงได้นำโครงการหอศิลป์เข้าหารือ และ ได้รับการพิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการจัดสร้าง หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครตามโครงการเดิม  นับเป็นเวลา 10 ปี หอศิลปฯ ต้องใช้เวลาเดินทาง ผ่านการผลักดันและรณรงค์อย่าง เข้มข้น จนในที่สุด อาคารหอศิลปฯ ก็เกิดขึ้น ณ สี่แยกปทุมวัน อันเป็นผลสืบเนื่อง มาจากความร่วมมือครั้งสำคัญในการส่งเสริมศิลปะระหว่างกรุงเทพมหานครและ เครือข่ายประชาชนเพื่อหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร การเดินทาง สู่การ รับรู้ศิลปะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว อาคารงดงามแห่งนี้เป็นเสมือนจุดนัดพบทาง ปัญญา ศิลปะเป็นเรื่องเข้าถึงง่ายและชื่นชมง่าย ทุกคนสามารถมารวมตัวกันเพื่อร่วม กิจกรรมด้านศิลปะอันหลากหลาย นิทรรศการหมุนเวียน ดนตรี กวี ละคร ภาพยนตร์ เสวนา และวรรณกรรม เป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ในการเรียนรู้ นำไปสู่ความเจริญ ทางปัญญา สุขภาพทางใจ และการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ด้านอื่นๆ ต่อไป


 แผนที่และการเดินทาง


วัตถุประสงค์

1. เป็นสถานที่ให้การศึกษาด้านศิลปวัฒนธรรมแก่ชุมชน และประชาชน
2. เป็นพื้นที่สำหรับการเชื่อมโยงทุนเดิมจากมรดกทางวัฒนธรรมเข้ากับศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ให้เกิดองค์ความรู้หลากหลาย
3. เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างเครือข่าย และระดมทรัพยากรในการดำเนินงานด้านศิลปวัฒนธรรม และเป็นองค์กรส่งเสริม สร้างโอกาส ประสานการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรส่วนท้องถิ่น เพื่อสร้างและพัฒนาระบบการบริหารจัดการหอศิลปฯ สู่ระดับมาตรฐานสากล
4. เป็นเวทีในการนำเสนอและบริหารจัดการ การแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมระหว่างประเทศ
5. เป็นส่วนเสริมสร้างศักดิ์ศรีแก่กรุงเทพมหานคร สู่ความเป็นมหานครแห่งศิลปวัฒนธรรมระดับโลก


ภายในหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครมีพื้นที่ทั้งหมด 9 ชั้น คือ
 ชั้น L เป็นแหล่งรวบรวมหนังสือและสื่อความรู้ด้านศิลปะพร้อมบริการอินเตอร์เน็ตและมุมเด็กเล็ก
 ชั้น 1 -4 เป็นส่วนที่เรียกว่า ART-RIUM@BACC
โดยที่ชั้น 1 เป็นส่วนของการออกร้านจากสถาบันการศึกษาทางศิลปะและดนตรีชั้นนำ

           

ชั้น 2 เพลิดเพลินกับร้านหนังสือที่คัดสรรพิเศษและแตกต่าง รวมทั้งหนังสือหายาก หนังสือทำมือ และภาพยนตร์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันโดยหอภาพยนตร์แห่งชาติและมูลนิธิ
      ชั้น 3 พบกับงานหัตถกรรมจากโครงการในพระราชดำริ
ชั้น 4 มีการจัดแสดงภาพถ่ายของสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศ และทัศนศิลป์ร่วมสมัยจากกลุ่มแกลลอรี่ชั้นนำ
ชั้น 5 สำหรับการประชุม ฉายภาพยนตร์ การแสดงดนตรี ละครเวที อบรม เสวนา และการแสดงต่างๆ
 ชั้น 7-9 ที่จัดแสดงงานทัศนศิลป์

 การบูรณาการหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครกับพลศึกษา


การเรียนรู้ในด้านเจตคติ
    มีความสนุกเพลิดเพลินไม่จำเป็นจะต้องไปอยู่ที่ศูนย์การค้ากับแหล่งบันเทิง แต่การมาที่หอศิลปวัฒนธรรม ก็จะมีความสนุกเพลิดเพลินได้เหมือนกัน   หอศิลปวัฒนธรรมสามารถพัฒนาเรื่องของจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก ความรู้ การมอง การฟัง การสัมผัส การสังเกต เปรียบเทียบหลายๆ อย่างที่จุดประกายความคิด ให้เรามีความคิดพัฒนาไปข้างหน้าการที่เราได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ในหอศิลปะ ก็จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาทางด้านร่างกายเราหลายๆด้าน เช่น สัมผัสสิ่งที่มีคุณค่า          ทางสุนทรีย์ สิ่งแปลกใหม่ได้รับการฝึกทักษะในการมอง การสังเกตและได้รับความรู้ทางวัฒนธรรม

การเรียนรู้ในด้านความรู้
      กระบวนการแสวงหาความรู้   ผมแสวงหาความรู้ด้วยตนเองเพราะหอศิลปวัฒนธรรมมองจากภายนอกเป็นสถานที่ใหญ่มาก ผมจึงเข้าไปชม ฟัง สังเกตและเรียนเกี่ยวกับศิลปวัฒธรรมทางด้านต่างๆเป็นการเพิ่มความรู้ให้กับตนเอง  ในหอศิลปมีรูปภาพมากมายแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทุกยุคทุกสมัย ผมคิดว่าก็คงเหมือนกับพลศึกษา กว่าจะมีมาถึงปัจจุบัน ก็คงมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาทักษะและเทคนิควิธีการแบบใหม่ๆ เพื่อการเรียนรู้ที่ดีกว่าเดิมและมีประสิทธิมากยิ่งขึ้น
    กระบวนการคิด  เมื่อผมได้เข้าไปสัมผัสกับหอศิลปวัฒนธรรม  ทำให้ผมคิดถึงศิลปะภาพวาดต่างๆ เพราะแต่ละภาพมีศิลปะอยู่ในตัว แต่ละภาพมีความละเอียด   มีขนาดใหญ่และเล็กหลายๆภาพ  แต่ละภาพต้องใช้เวลา ใช้ความอดทน ใช้ความละเอียดในการวาดภาพ ฉะนั้นผู้วาดต้องมีสมาธิ ตั้งใจ จดจ่ออยู่กับการวาดภาพ ต้องมีความคิดสร้างสรรค์จึงจะวาดภาพออกมาได้สวยขนาดนี้  เช่นเดียวกับการเรียนการสอนพลศึกษา เราต้องใช้ความอดทนในการเรียน เพราะเมื่อเรียน แน่นอนเราจะต้องเหนื่อย  แต่ถ้าเราตั้งใจที่จะฝึกซ้อม เรียนรู้และสนุกกับมัน  พลศึกษาก็จะกลายเป็นเรื่องสนุกสนาน เป็นการรักษาสุขภาพและเพิ่มบุคลิกภาพ


การเดินทาง

รถประจำทางที่ผ่าน
สาย 15, 16, 21, 25, 29, 34, 36, 40, 47, 48, 50, 54, 73, 73ก, 79, 93, 141, 159, 204, ปอ.501, ปอ.508
เรือสายในคลองแสนแสบ เส้นทางสะพานผ่านฟ้า-ประตูน้ำ ขึ้นที่ท่าเรือสะพานหัวช้าง เดินเลียบถนนพญาไทประมาณ 300 เมตร ถึงหอศิลปฯ สี่แยกปทุมวัน
รถไฟฟ้า   ลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ โดยชั้น 3 ของหอศิลปฯ มีทางเดินเชื่อมต่อกับทางยกระดับสถานี รถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติ 
รถยนต์  เดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางถนนพญาไท (จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) ข้ามสะพานหัวช้าง ชิดขวาเข้าทางเข้า หอศิลปฯ (ก่อนข้ามสี่แยกปทุมวัน)   เส้นทางถนนพระราม 1 (จากสนามกีฬาแห่งชาติ) เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพญาไท และเลี้ยวซ้าย เข้าทางเข้าหอศิลปฯ
ที่ตั้ง
อยู่ที่สี่แยกปทุมวัน หัวมุมถนนพระราม 1 และถนนพญาไท ตรงข้ามห้างมาบุญครอง และสยามดิสคัฟเวอรี่
โทร. 0-2214-6630-8

วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การว่ายน้ำ "ท่าฟรีสไตล์"

FREESTYLE ฟรีสไตล์


             คำว่า "ฟรีสไตล์" เป็นคำที่เรียกกันติดปาก เพราะถ้าจะเรียกให้ถูกต้อง ท่านี้มีชื่อว่า "crawl stroke" (อ่านว่า ครอล สโตรค) ที่เรียกกันว่า ฟรีสไตล์ก็เพราะคุณสามารถว่ายท่าอะไรก็ได้ที่คิดว่าเร็วที่สุดเพื่อให้ถึงขอบสระก่อนคนอื่น โดยท่าที่นิยมใช้คือ crawl stroke ทำไมท่านี้จึงมีความเร็วสูงที่สุดน่ะหรือ เป็นเพราะท่านี้เป็นท่าที่ร่างกายมีความเพรียวลู่น้ำมากกว่าท่าอื่น ๆ รวมทั้ง การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งท่านก็สามารถจะว่ายได้อย่างง่ายดาย และในกระบวนการสอนว่ายน้ำก็จะสอนท่านี้เป็นท่าแรก

การใช้แขนท่าฟรีสไตล์ (Freestyle Arm Action)

           1. การว่ายน้ำทุกท่ายกเว้นท่ากบ จะต้องใช้แขนและมือเป็นตัวขับ เคลื่อนถึง 70 % หรือมากกว่า ดังนั้นแขนจึงเปรียบเสมือนไม้พาย ที่จะช่วยให้ร่างกายไปข้างหน้าได้ และในท่าฟรีสไตล์นั้น มีลักษณะการใช้แขนที่มีความต่อเนื่องกันมากที่สุด โดยการว่ายให้มีความเร็วและถูกต้องนั้น ทำได้ดังนี้1. เมื่อคุณยืดแขนไปด้านหน้าจนสุดแล้ว แขนของคุณต้องชิดกับหู
           2. ต่อจากนั้นให้คุณกดมือลง พร้อมกับโก่งแขนโดยการยกข้อศอกโดยแรงที่จะส่งตัวคุณนั้นจะออกมาจากไหล่    
           3. ดันแขนท่อนล่างให้ผ่านไปใต้ลำตัว นิ้วทุกนิ้วเรียงชิดติดกัน 
           4. ดันน้ำจนกระทั่งแขนของคุณตึงพอดี สามารถตรวจสอบได้ โดยมือของคุณจะผ่านไปถึงต้นขา
           5. ยกแขนขึ้น โดยงอข้อศอก แล้ววาดแขนมาด้านหน้า วางมือลงน้ำ กดศอกแล้วยืดแขนออกไป


ข้อควรจำ

          1. คุณต้องดันน้ำไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
          2. เมื่อคุณจะวางแขนลงน้ำเพื่อว่ายต่อไป พยายามอย่าให้แขนฟาดน้ำ ให้ลากศอกและมือแทงลงน้ำไปด้านหน้าอย่างนิ่มนวล
          3. เมื่อมือคุณลงน้ำแล้ว อย่าให้มือชี้ลงไปที่พื้นสระ จงบังคับมือและแขนให้ชี้ไปยังเป้าหมาย คือ ด้านหน้าของคุณ โดยการยืดแขนออกไปขณะที่มือลงน้ำ ไม่ใช่จิ้มมือลงไปในน้ำ

          การใช้ขาท่าฟรีสไตล์ (Freestyle Leg Action)ในการใช้ขาของท่าฟรีสไตล์ จะเตะขาในลักษณะเตะสลับขึ้นลง ซ้ายขวา โดยที่จะต้องส่งแรงเตะมาจากสะโพก ไม่ใช่เตะจากหัวเข่า โดยในการเตะขานั้น ข้อเท้าและหัวเข่าต้องมีความพลิ้วไม่เกร็งเป็นอันขาดจังหวะของการเตะขาท่าฟรีสไตล์มีดังนี้


How to Swim : How to Swim the Freestyle Stroke


               " การเตะขาที่ถูกวิธี จะช่วยทำให้คุณว่ายน้ำได้เร็วและดีขึ้น เพราะมันจะช่วยให้การทรงตัวของร่างกายคุณสมบูรณ์แบบ " 12345678910จังหวะทั้งหมดเป็นไปโดยต่อเนื่องกันไม่ขาดตอน สังเกตดูว่า ในภาพไม่ได้เพียงแต่งอเข่าแล้วเตะลงน้ำเท่านั้น แต่เขายังใช้แรงจากสะโพกเข้ามาช่วยด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือ เวลาคุณเตะขาท่าฟรีสไตล์นั้น คุณต้องขยับทั้งขา ยกตัวอย่าง เช่น ให้สะโพกของคุณเป็นมือ และขาของคุณเป็นเชือก ถ้าคุณสะบัดมือเชือกทั้งเส้นก็จะวิ่งตามกันไปทั้งหมด แต่แรงจริง ๆ ที่จะส่งให้เชือกเกิดการสะบัดก็คือมือของคุณ ดังนั้นแรงจริง ๆ ที่จะใช้ในการเตะขาจะส่งมาจากสะโพก นั่นเอง ในการเตะขาของคุณนั้น คุณต้องเตะอย่างต่อเนื่อง ถ้าว่ายระยะสั้น คุณต้องเตะอย่างแรงและเร็ว ไม่ยกเท้าขึ้นสูงพ้นน้ำจนกระทั่งเห็นน่อง ให้บริเวณข้อเท้าของคุณพ้นน้ำเท่านั้นก็พอแล้ว และเมื่อคุณสะบัดขาลงน้ำ คุณต้องเตะให้เต็มจังหวะ อย่ายึกยัก หรือเกร็งใด ๆ ทั้งสิ้น คิดถึงภาพปลาว่ายน้ำเอาไว้ หางปลาที่ส่าย ๆ น่ะ อย่างนั้นแหละครับ
              ความสัมพันธ์ของร่างกายในท่าฟรีสไตล์ (Freestyle Relative Action) ท่านี้เป็นท่าที่มีความต่อเนื่องในการทำงานของร่างกายอย่างดี คุณสามารถว่ายท่านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่คุณต้องพยายามที่รักษาความนิ่มนวลและความพลิ้วไหวในการว่ายด้วย ถ้าคุณสามารถทำตัวให้ลื่นไหลไปเรื่อย ๆ ได้ก็จะดีมาก ไม่เพียงแต่ท่าฟรีสไตล์เท่านั้น ทุก ๆ ท่า ก็ต้องนิ่มนวล และพลิ้วไหวเช่นกัน

TIP OF FREESTYLE

          1. คุณต้องไม่เกร็งลำตัวให้แบนราบอยู่กับน้ำตลอด คุณควรปล่อยไหล่และร่างกายให้เป็นธรรมชาติ การกลิ้งลำตัวตามธรรมชาตินั้นจะทำให้ว่ายน้ำได้เร็วยิ่งขึ้น
          2. การเอียงหน้าหายใจ ควรทำเมื่อคุณรู้สึกเริ่มที่จะต้องหายใจออกแล้ว ไม่ใช่กลั้นจนกระทั่งไม่ไหวแล้วจึงเอียงหน้าหายใจ การกระทำเช่นนี้จะทำให้คุณเสียจังหวะได้
          3. ถ้าคุณไม่เอียงหน้าหายใจ ก็จงรักษาศีรษะให้นิ่ง ๆ เอาไว้ อย่าส่ายหัว เพราะจะทำให้ช้าลง

Swimming Men's 200m
Freestyle Final - Agnel wins Gold - London 2012 Olympic Games Highlights


วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วิเคราะห์ข่าว


จับเครื่องสำอางปลอมขายผ่านเน็ตกว่า  30  ล้านบาท


           ดีเอสไอร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ทลายเครือข่ายลักลอบขายเครื่องสำอาง น้ำหอม เลียนแบบยี่ห้อดังผ่านทางอินเทอร์เน็ต มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

           เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้จับกุม 
นายส้มโอ กุลสงคราม ซึ่งเป็นผู้ค้าและเจ้าของเว็บไซต์ www.bevershops.com ได้เปิดจำหน่ายเครื่องสำอาง  น้ำหอม เครื่องหนัง และนาฬิกาปลอมยี่ห้อดังต่างๆ จำนวนกว่า 20,000 ชิ้น พร้อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 3 เครื่อง และสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์หลายรายการ ทั้งกระเป๋า  เสื้อผ้า เข็มขัด แว่นตา และนาฬิกาเพราะความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว  ทำให้มีผลกระทบในหลายๆด้านทั้งทางตรงและทางอ้อม  คือสร้างความเสียหายให้กับประชาชน เป็นอันตรายต่อสุขภาพ  ข้อมูลอาจมีสรรพคุณเกินจริง  หลอกหลวงประชาชน ที่เสียหายไปมากกว่านั้นคือ สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศชาติ  เนื่องจากคนภายนอกประเทศจะมองว่าประเทศนี้ไม่มีความซื่อสัตย์และไม่น่าไว้วางใจ  ทำให้ไม่อยากมาเที่ยวเมืองไทยเพราะกลัวโดนหลอกลวงส่งผลกระทบไปยังภาคธุรกิจการท่องเที่ยวไทย เพราะแค่การกระทำของคนส่วนน้อย ทำให้คนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบและที่มากกว่านั้นคือความไว้วางใจจากนักท่องเที่ยวจะลดน้อยลง ทำให้เกิดปัญหาต่างๆมากมาย


          มูลค่าความเสียหายในครั้งนี้มากกว่า 30 ล้านบาท   ซึ่งผู้ต้องหาเป็นผู้ค้ารายใหญ่ทางอินเทอร์เน็ตจำหน่ายสินค้าปลอมผ่านทางเว็บไซต์มาเป็นเวลานาน  โดยที่ลืมนึกถึงความเสียหายของผู้อื่นทำให้มูลค่าความเสียหายสูงถึงหลักสิบล้านบาทจากเหตุการณ์ทำให้เห็นถึงการใช้งานของอินเตอร์เน็ตในทางที่ไม่ถูกต้องและผิดกฎหมาย ส่งผลให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายเพียงเพราะความคิดในด้านการค้าขาย แบบผิดๆ



วิเคราะห์ข่าว

          จากการที่ได้อ่านข่าว ผมคิดว่าเป็นการกระทำที่ผิดที่ผิดกฎหมาย ไม่มีคุณธรรมจริยธรรมเพราะเป็นการหลอกหลวงประชาชน ละเมิดลิขสิทธ์ของบริษัท  ใช้อินเตอร์เน็ตไปในทางที่ผิด ไม่เกิดประโยชน์และยังสร้างความเสียหายให้กับประชาชนกับประเทศของเรา ทำให้ผมได้ตื่นตัวมากยิ่งขึ้นเพราะได้ทราบรูปแบบของการหลอกหลวงของผู้กระทำความผิดในอีกวิธีหนึ่ง         เพราะฉะนั่นการสั่งซื้อของทางอินเตอร์เน็ต เราควรเลือกบุ๊คมาร์กเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ เลือกใช้วิธีชำระเงินที่มีความปลอดภัย ควรดูข้อมูลของผู้ขาย ความน่าเชื่อถือของผู้ขาย ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าไปเยอะจึงมีอาชญากรไซเบอร์ที่ต้องการข้อมูลบัตรเครดิต หมายเลขประจำตัวสำหรับการทำธุรกรรมออนไลน์ ข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้าออนไลน์ เราควรระมัดระวังการสั่งซื้อของทางอินเตอร์เน็ตให้ดีเพราะมันเป็นภัยใกล้ตัวสำหรับผู้ที่ใช้อินเตอร์เน็ตและนักช้อปผ่านอินเตอร์เน็ตทั้งหลาย



ที่มาของข่าว


วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เด็กชายเกื้อกูล กองแก้ว



...จากวันนั้น...ถึงวันนี้...





วันจันทร์ที่ 4 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2534 เวลา 21:04 นาที
เด็กชายเกื้อกูล กองแก้ว ได้ลืมตามองดูโลกใบนี้ พ่อกับแม่ผมตั้งชื่อผมว่า เชลล์ ผมได้เกิดมาเป็นลูกคนสุดท้อง มีพี่สาว สองคน ในครอบครัวผมเรามีกันอยู่ 5 คน
พ่อ แม่ พี่สาวคนโต พี่สาวคนกลาง และผมน้องชายคนสุดท้อง
พ่อผมชื่อนายทวี กองแก้ว
แม่ผมชื่อนางอารีย์ กองแก้ว
พี่สาวคนโตผมชื่อชื่นกมล กองแก้ว
พี่สาวคนกลางผมชื่อชลธิชา กองแก้ว
ครอบครัวผมอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 8/5 หมู่ 5 ตำบลท่าอยู่ อำเภอตะกั่วทุ่ง
จังหวัดพังงา 82140
ผมได้เริ่มเรียนอนุบาลในโรงเรียนบ้านต้นม่วงเมื่ออายุ 3 ขวบ
เมื่ออายุผมครบ 7 ขวบ ผมได้เข้าศึกษาในโรงเรียนวัดดิตถารามจน
จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 
ผมได้เข้าศึกษาต่อโรงเรียนท้ายเหมืองวิทยาจนจบชั้นมัธยม 
และศึกษาต่อชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนดีบุกวิทยายน
จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6




         ในช่วงชีวิตม.ปลาย ผมเป็นเด็กผู้ชายที่ชอบเล่นกีฬา จึงใช้ชีวิตช่วงม.ปลายเล่นกีฬาเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การเรียนไม่ค่อยจะดีนัก จึงไม่เคยคิดใฝ่ฝันที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่อยู่ไกลจากบ้านมากนัก แต่ด้วยพี่สาวของผมทั้งสองคน เค้าทั้งสองตั้งใจเรียน ประสบความสำเร็จในทุกด้าน ทั้งด้านการเรียน และด้านการงาน ผมจึงตัดสินใจเข้าสอบมหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒเป็นที่แรก เลือกคณะพลศึกษาเพราะผมชอบด้านกีฬาจึงคิดว่าตัวเองน่าจะมีความรู้พอที่จะศึกษาเล่าเรียนในคณะนี้ได้ ผมได้ติดคณะพลศึกษา เอกพลศึกษา ผมจึงตัดสินใจเรียนที่นี้ โดยไม่สมัครสอบที่อื่นเลย



  
    จากประสบการณ์ใช้ชีวิตมหาวิทยาลัย 3 ปี สอนผมหลายๆ อย่างทั้งการใช้ชีวิตในสังคม การใช้ชีวิตตัวคนเดียว การใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อน การรู้จักเคารพผู้อาวุโสกว่า รู้จักพี่รู้จักน้อง มหาวิทยาลัยไม่ได้ให้แต่ความรู้ แต่ยังสอนให้เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ห่างจากบ้านมาให้สามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องมีพ่อกับแม่ช่วยเหลือเหมือนอยู่ที่บ้าน ผมจะตั้งใจศึกษาเล่าเรียนให้ดีที่สุด เพื่อความภาคภูมิใจของพ่อแม่ และถ้าผมได้มีโอกาสเป็น "คุณครู" ผมจะให้ความรู้ สั่งสอนให้ศิษย์ทุกคนเป็นคนดี. 


ขอบคุณครับ
นายเกื้อกูล กองแก้ว คณะพลศึกษา เอกพลศึกษา 
มหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ ประสานมิตร